totallyindexed.com
5 – 8 ส่วนเลือกและเซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกายนั้นมีค่าใกล้เคียงกับภาวะความเป็นกลางอยู่ที่ 7. 4 กรดในกระเพาะอาหารมีค่า pH 1 – 2 น้ำดีมีค่า pH 8 – 8. 5 ส่วนบริเวณผิวหนังจะมีค่า pH อยู่ที่ 5. 5 ผิวหนังที่มีภาวะความเป็นกรดเกิดได้หลายสาเหตุค่ะ ผิวหนังประกอบด้วยชั้นต่างๆ ในแต่ละชั้นจะมี ค่า pH ที่ต่างกันออกไป เช่น ผิวหนังแท้ และผิวหนังกำพร้าล้วนมีค่า pH เป็นกลางเนื่องจากประกอบด้วยเซลล์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และเนื้อเยื้อเกี่ยวพันก็มีค่า pH อยู่ 7. 4 ส่วนเซลล์ผิวหนังชั้นบนสุดของพนังกำพร้าประกอบไปด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วค่ะ จะสะสมอยู่ในไขมันจึงมีค่า pH เป็นกรดเช่นเดียวกับฟิล์มคุ้มกันผิว (Hydrolipid film) ซึ่งเกิดจากการผสมกันระหว่างเหงื่อกับไขมันที่ปกคลุมผิวทั้งหมดซึ่งปราฏการณ์นี้เรียกว่า "เกราะคุ้มกันผิวตามธรรมชาติ" ค่ะ ค่า pH 5. 5 ดีต่อผิวพรรณอย่างไร จากข้อมูลข้างต้น เพื่อน ๆ คงตั้งคำถามในใจว่า แล้ว ค่า pH 5. 5 ดีต่อสภาพผิวอย่างไร ต้องบอกเลยค่ะผิวหนังที่มีสภาพความเป็นกรดอ่อน ๆ มีหน้าที่ในการปกป้องผิวพรรณจากปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะปรับสมดุลให้กับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ และคอยป้องกันไม่ให้จุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อผิวเจริญเติบโตได้แล้ว ยังลดปัญหาการเกิดกลิ่นกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เมื่อเพื่อน ๆ รู้อย่างนี้แล้วมาปรับสมดุลให้กับผิว โดยการคงสภาพผิวให้อยู่ที่ค่า pH 5.
เพิ่มคำศัพท์ ทราบความหมายของคำศัพท์นี้?
ของแข็ง ( solid) หมายถึงสารที่มีลักษณะรูปร่างไม่เปลี่ยนแปลง และมีรูปร่างเฉพาะตัว เนื่อจากอนุภาคในของแข็งจัดเรียงชิดติดกันและอัดแน่นอย่างมีระเบียบไม่มีการเคลื่อนที่หรือเคลื่อนที่ได้น้อยมาก ไม่สามารถทะลุผ่านได้และไม่สามารถบีบหรือทำให้เล็กลงได้ เข่น ไม้ หิน เหล็ก ทองคำ ดิน ทราย พลาสติก กระดาษ เป็นต้น 2. ของเหลว ( liquid) หมายถึงสารที่มีลักษณะไหลได้ มีรูปร่างตามภาชนะที่บรรจุ เนื่องจากอนุภาคในของเหลวอยู่ห่างกันมากกว่าของแข็ง อนุภาคไม่ยึดติดกันจึงสามารถเคลื่อนที่ได้ในระยะใกล้ และมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน มีปริมาตรคงที่ สามารถทะลุผ่านได้ เช่น น้ำ แอลกอฮอล์ น้ำมันพืช น้ำมันเบนซิน เป็นต้น 3. แก๊ส ( gas) หมายถึงสารที่ลักษณะฟุ้งกระจายเต็มภาชนะที่บรรจุ เนื่องจากอนุภาคของแก๊สอยู่ห่างกันมาก มีพลังงานในการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปได้ในทุกทิศทางตลอดเวลา จึงมีแรงดึงดูดระหว่างอนุภาคน้อยมาก สามารถทะลุผ่านได้ง่าย และบีบอัดให้เล็กลงได้ง่าย เช่น อากาศ แก๊สออกซิเจน แก๊สหุงต้ม เป็นต้น อนุภาคของสาร ในปี พ. ศ. 2348 ( ค. ศ. 1805) จอห์น ดาลตัน นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้เสนอแนวคิดว่า " อนุภาคที่เล็กที่สุดของสารซึ่งไม่สามารถแบ่งย่อยให้เล็กลงได้อีก เรียกว่า อะตอม " และต่อมานักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับอะตอมและอนุภาคของสารมากขึ้นทำให้ทราบว่าอนุภาคของสารที่สำคัญมี 3 ชนิด คือ 1.